เครื่องสแกนบาร์โค้ดแบบ Imageเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาระบบหัวอ่านบาร์โค้ดให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพ แม่นยำ รวดเร็ว และสะดวก
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของเครื่องสแกนบาร์โค้ดแบบรูปภาพ คือการจัดแสง ข้อมูลและประสิทธิภาพการทำงานอาจสูญหายไปหากเป้าหมายไม่ได้รับการส่องสว่างอย่างเหมาะสม กลยุทธ์การจัดแสงต้องการตำแหน่งของแหล่งกำเนิดแสงที่สัมพันธ์กับโค้ดและกล้อง เครื่องอ่านบาร์โค้ด นำเสนอตัวเลือกการส่องสว่างภายนอกและภายในตัวที่หลากหลายตามสภาพแวดล้อมและการใช้งาน
บทความนี้ อธิบายเกี่ยวกับการจัดแสงแบบต่างๆ ที่ใช้ในเครื่องสแกนบาร์โค้ด และช่วยให้คุณรู้จัก Imager Scanner ได้ดียิ่งขึ้น
ชุดเครื่องอื่านบาร์โค้ด+ขาตั้ง
องค์ประกอบของเครื่องสแกนบาร์โค้ด Imager
องค์ประกอบหลักของ Imager Scanner ที่ช่วยให้เครื่องสแกนบาร์โค้ดสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ความละเอียดของภาพ
ความละเอียดของภาพ หมายถึง จำนวนพิกเซลที่ประกอบเป็นภาพแต่ละภาพ คือ พิกเซลต่อโมดูล (PPM) จะบอกได้ว่ากล้องมีความละเอียดเพียงพอที่จะอ่านโค้ดหรือไม่
2. เลนส์(Lenses)
เลนส์ของเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อได้ภาพบาร์โค้ดที่ดี เครื่องอ่านคุณภาพมีให้เลือกทั้งเลนส์ S- และ C-mount ขึ้นอยู่กับจำนวนความละเอียดที่ต้องการในระยะการทำงานที่กำหนดเพื่อให้ได้ภาพโค้ด
3. แสงสว่าง (Lighting)
การจัดแสงเป็นสิ่งสำคัญมาก กลยุทธ์การจัดแสงต้องการตำแหน่งของแหล่งกำเนิดแสงที่สัมพันธ์กับโค้ดและตัวอ่าน เครื่องสแกนบาร์โค้ดอุตสาหกรรมอาจมีตัวเลือกแสงภายในตัวเครื่องและแสงภายนอก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการใช้งาน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Imager Scanner ได้ที่บทความเรื่อง รู้จักเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพ
เครื่องอ่านบาร์โค้ด แบบไหนที่ต้องการ
การจัดแสงของเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพ
แสงสว่างมีส่วนสำคัญในการรับภาพของ Image Barcode Reader เพื่อให้ได้ภาพโค้ดที่ชัดเจน สามารถนำแสงทั้งภายในและภายนอกมาปรับใช้รวมกันได้ มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
1. แสงสว่างจากด้านหลัง Back Lighting
- ส่องสว่างเป้าหมายจากด้านหลัง โดยเน้นที่เงาของเป้าหมาย
- ใช้เพื่อตรวจจับการมีหรือไม่มี ของรูหรือช่องว่าง ช่วยวัดหรือตรวจสอบรูปร่างเค้าโครงของวัตถุ
- ช่วยให้รอยแตก ฟองอากาศ และรอยขีดข่วนบนชิ้นส่วนเป้าหมายที่โปร่งใสชัดเจนขึ้น
- รายละเอียดพื้นผิวจะหายไป ในขณะที่ใช้แสงนี้
2. แสงสว่างแบบแท่ง Bar Lighting
- ส่องไปที่วัตถุหรือตามแนวเส้นรอบวงของวัตถุ ให้แสงสว่างที่สม่ำเสมอทั่วทั้งพื้นที่ขนาดเล็ก
- ใช้เพื่อเน้นลักษณะพื้นผิว กำหนดขอบ และสร้างคอนทราสต์กับวัตถุผิวด้าน เช่น กระดาษหรือกระดาษแข็ง
- ใช้ร่วมกันหลายแท่ง เพื่อให้ครอบคลุมเป้าหมายจากทุกด้าน
- เพิ่มหรือลดแสงสะท้อนได้ โดยขึ้นอยู่กับมุมของแสงและกล้อง
3. แสงสว่างในพื้นที่มืด Dark Field Lighting
- ส่องแสงไปที่วัตถุในมุมตื้น ทำให้คุณสมบัติพื้นผิว เช่น รอยขีดข่วน ขอบ รอยพิมพ์ รอยบากบนพื้นผิว สะท้อนแสงกลับไปยังกล้อง และดูสว่างขึ้น ในขณะที่ส่วนที่เหลือของพื้นผิวจะมืด
- สามารถจัดแสงตามทิศทางใดก็ได้ (แท่ง วงแหวน จุด) ให้แสงส่องไปที่พื้นผิวของชิ้นส่วนได้
4. การจัดแสงแบบกระจายบนแกนโคแอกเซียล Diffuse On-Axis (Co-axial) Lighting
- ส่งแสงในแนวตั้งฉากกับเป้าหมาย โดยใช้กระจกเพื่อส่งรังสีแสงในมุม 90 องศาไปยังวัตถุ
- เทคนิคนี้จะเน้นพื้นผิวที่เป็นแสงสะท้อนในแนวตั้งฉากกับกล้อง พื้นผิวที่ทำมุมกับกล้องจะมืด
- ช่วยลดแสงสะท้อนและเงา
- เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตรวจจับข้อบกพร่องบนพื้นผิวที่เรียบ วาว การวัดและการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนแสง และการตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจน
5. การจัดแสงโดม/วงแหวนแบบกระจาย Diffuse Dome/Ring Lighting
- การจัดแสงแบบกระจายช่วยป้องกันแสงสะท้อนบนพื้นผิวสะท้อนแสง ช่วยกระจายแสงที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้นทั่วทั้งชิ้นงาน
- เทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับการจัดแสงแบบกำหนดทิศทางทั้งหมด (แท่ง โดม วงแหวน)
- ช่วยลดแสงสะท้อนและจุดที่มีแสงสะท้อนจากไฟบอกทิศทางบนแกน เช่น ไฟวงแหวน
6. ไฟโดม Dome Lighting
– แสงจากไฟโดมเป็นแสงที่สม่ำเสมอจากทุกทิศทาง ทำให้ไม่มีแสงสะท้อน
– ช่วยขจัดแสงแสงสะท้อน/เงา แล้ว กระจายแสงไปทั่วพื้นผิวของวัตถุอย่างสม่ำเสมอ
– เหมาะสำหรับพื้นผิวมันวาว โค้งมน หรือขรุขระ
– การจัดแสงแบบไฟโดมต้องอยู่ใกล้กับเป้าหมายจึงจะมีประสิทธิภาพ
7. แสงสว่างในพื้นที่มืดมุมต่ำ Low Angle Dark Field Lighting
– การจัดแสง พื้นที่มืด ในมุมต่ำ โดยส่องแสงไปที่วัตถุในมุมที่ตื้นมาก (10-15 องศา)
– คุณลักษณะต่าง ๆ ของพื้นผิว เช่น ฝุ่น รอยขีดข่วน และแม้แต่รอยนิ้วมือจะสะท้อนแสงกลับไปที่กล้อง ทำให้คุณสมบัติพื้นผิวเหล่านี้ดูสว่างขึ้น ในขณะที่พื้นผิวส่วนที่เหลือยังคงเป็นมืด
– วิธีการให้แสงแบบนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง ในการตรวจสอบพื้นผิวของวัตถุที่มีความมันวาวและสะท้อนแสงสูง ช่วยให้ความแตกต่างด้านความสูงของพื้นผิวถูกเน้น
8. ไฟวงแหวน Ring Lighting
– ไฟวงแหวน เป็นไฟที่มีแสงจ้า ทำให้ภาพปราศจากเงาและคอนทราสต์
– เป็นไฟอเนกประสงค์ที่สามารถปรับใช้ได้หลากหลาย
– อาจทำให้เกิดแสงสะท้อนบนพื้นผิวสะท้อนแสงได้
9. ไฟกำลังสูงแบบบูรณาการ High-Powered Integrated Light (HPIL)
– ไฟกำลังสูงแบบบูรณาการ (HPIL) ให้แสงสว่างส่องไปยังวัตถุ โดยผ่านโพลาไรซ์ หรือ ไม่ก็ได้
– ใช้สำหรับเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบติดตั้งอยู่กับที่
10. ไฟฉายกำลังสูงแบบบูรณาการ High-Powered Integrated Torch (HPIT)
– ไฟฉายกำลังสูงแบบบูรณาการHPIT ใช้ไฟ LED 16 ดวง
– ใช้เทคโนโลยีโฟกัสอัตโนมัติ แบบ liquid lens ความเร็วสูง และเซ็นเซอร์วัดระยะทางเพื่อสร้างภาพ
– กำหนดขอบเขตการมองเห็นไปยังเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างชัดเจน ด้วยเครื่องเล็งเลเซอร์แบบนำทาง
– ฝาครอบด้านหน้าแบบกระจายหรือแบบโพลาไรซ์ แบบเปลี่ยนได้ ช่วยในการปรับให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด
11. ฟิลเตอร์สี Filler Colors
- ฟิลเตอร์สีช่วยเพิ่มคอนทราสต์ให้กับวัตถุ โดยทำให้ลักษณะของวัตถุสว่างขึ้นหรือมืดลง
- ฟิลเตอร์สีที่คล้ายกันจะสว่างขึ้น (เช่น แสงสีแดงจะทำให้ฟีเจอร์สีแดงสว่างขึ้น)
- ฟิลเตอร์สีตรงข้ามจะเข้มขึ้น (เช่น แสงสีแดงจะทำให้ฟีเจอร์สีเขียวเข้มขึ้น)
12. ตัวกรองแสง Polarizers
- โพลาไรเซอร์เป็นฟิลเตอร์ออฟเซ็ต 90 องศาที่วางอยู่ด้านหน้าเลนส์กล้องและไฟ LED
- โพลาไรเซอร์ใช้เพื่อลดแสงสะท้อนและแสงตกกระทบ (Hot spot)
- ช่วยเพิ่มคอนทราสต์เพื่อให้สามารถจดจำวัตถุทั้งหมดได้
บทส่งท้าย
เครื่องสแกนบาร์โค้ดแบบภาพถ่าย คืออุปกรณ์ที่จะนำมาทดแทนเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบเลเซอร์ สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าการใช้แสงของ Image Reader มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการอ่าน บาร์โค้ดและคิวอาร์โค้ด อย่างมาก
เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ 5 เคล็ดลับในการเลือกเครื่องสแกนบาร์โค้ดที่ดีที่สุด
เลือกดูเครื่องอานบาร์โค้ดอื่นๆ ในแบบที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ ลองพิจารณาเครื่องสแกนบาร์โค้ดที่เรามีอยู่ ตามรายละเอียดสินค้า แล้วกดสั่งซื้อออนไลน์กันได้เลยค่ะ