แม้ในปัจจุบันเราอยู่ในยุคดิจิตอล มีอุปกรณ์การสื่อสารที่มีความไฮเทคแค่ไหน แต่การใช้ปากกา ก็ยังมีความจำเป็นอย่างมาก ตั้งแต่วัยเรียนมาจนถึงวัยทำงาน ยังมีความจำเป็นต้องใช้ปากกาอยู่นั่นเอง
ปากกา เป็นเครื่องเขียนที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นเครื่องมือที่เราใช้ในการขีด เขียน จดบันทึก เขียนรายงาน ทำการบ้าน วาดการ์ตูน สร้างผลงานศิลปะ เป็นต้น ปากกามีหลายชนิด แล้วแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร วันนี้เราได้รวบรวมคำตอบมาให้ค่ะ
สารบัญ
การเลือกใช้ปากกาให้เหมาะกับตัวเอง
คำนิยาม
ปากกา คือ เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการเขียน ปากกาจะใช้หมึกในการเขียนลงไปบนพื้นผิวเรียบ ๆ ส่วนมากจะเป็นกระดาษ ปากกานั้นมีหมึกหลายสีให้เลือกใช้ เช่น สีน้ำเงิน สีแดง สีดำ สีเขียว และสีอื่น ๆ แต่ที่นิยมมากก็จะเป็นหมึกสีน้ำเงิน และหมึกสีแดง
ชนิดของปากกา
ปากกา มีอยู่หลากหลายชนิด และแบ่งได้หลายแบบ ดังนี้
ปากกาจากธรรมชาติ ได้แก่พวก ปากกา ที่ทำจากขนนก หรือก้านของต้นพืชอย่างต้นกกเอามาเหลาตัดปลายให้แหลม ใช้จุ่มหมึกเขียนตัวอักษร เป็นปากกาที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ
ปากกาคอแร้ง (Dip Pen) เป็นปากกาที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในยุคแรกๆ หลังจากการใช้ขนนก หรือต้นกกเขียนหนังสือ ปากกาคอแร้งจะมีหัวเป็นโลหะผ่ากลาง และมีร่องให้น้ำหมึกติดอยู่ในนั้น ทำให้เวลาเขียนไม่ต้องจุ่มหมึกตลอดเวลา ปัจจุบันมีการเติมหมึกเข้าไปภายใน และนิยมใช้ในการวาดภาพการ์ตูน เนื่องจากให้เส้นที่คมชัด
สนใจเกี่ยวกับ ปากกาหมึกซึม ปากกาคอแร้ง (Fountain Pen) สำหรับผู้เริ่มหัดเขียน
ปากกาหมึกซึม (Fountain Pen) ในความเป็นจริงตามประวัติศาสตร์ ปากกาหมึกซึมเกิดขึ้นก่อนปากกาลูกลื่น และเป็นปากกาแบบแรก ที่ถูกพัฒนาให้เกิดความสะดวกในการเขียน และมีการผลิตออกจำหน่ายเผยแพร่ไปทั่วโลก เป็นการเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบเครื่องที่ใช้ในการเขียน ให้หันมานิยมใช้ ปากกา
หัวปากกา นับว่าเป็นจุดขายของปากกาหมึกซึมเลยก็ได้ เพราะมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก มีลักษณะคล้ายกับปากของนก ซึ่งเป็นที่มาของสมญานามที่คนไทยตั้งว่า “ปากกาคอแร้ง” มักจะทำจากโลหะ แต่ใน Luxury brand จะใช้ทองคำในการผลิต ทำให้ปากกาอาจมีราคาสูงถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว
ด้ามจับ มีทั้งแบบพลาสติกและแบบโลหะ แต่ที่นิยมนำมาใช้งานมากที่สุด คือ แบบโลหะ เพราะมีความหรูหรา เพราะจุดประสงค์หนึ่งของการพกพาปากกาชนิดนี้คือการนำมาเหน็บที่กระเป๋าเสื้อเพื่อช่วยเสริมบุคลิกภาพ
น้ำหมึกของปากกาหมึกซึม จะมีลักษณะเหลวกว่า และแห้งช้ากว่า เวลาที่เราเขียนลงไปบนกระดาษ หากเป็นกระดาษบางหรือเราเขียนช้า ๆ ก็เป็นไปได้ที่จะมีหมึกซึมเลอะไปอีกด้านของกระดาษได้
ปากกาลูกลื่น (Ballpoint Pen) เป็นปากกาที่มีอยู่แพร่หลายมากที่สุดในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ใช้ในการเขียนหนังสือเป็นหลัก แต่ก็มีที่นำเอาไปสร้างงานวาดภาพแบบลายเส้น หรือแรเงา เป็นการนำเอาปากกาลูกลื่นมาประยุกต์ใช้ในการทำงานอื่นด้วย ปากกาลูกลื่นมีหลายสี แต่ที่นิยมมีอยู่ 4 สีได้แก่ ดำ น้ำเงิน แดง และ เขียว
หัวของปากกาลูกลื่น จะมีโลหะเล็ก ๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 1.1 มิลลิเมตร
ด้ามจับ ส่วนใหญ่ด้ามจับของปากกาลูกลื่นมักจะทำจากพลาสติก แต่ด้ามจับของปากกาที่เป็น Luxury Brand เช่น Parker จะใช้อะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงทนทานในการผลิตแทน
น้ำหมึก หมึกของปากกาลูกลื่นจะมีความข้น แห้งได้ไว ทนทานต่อน้ำ เพราะส่วนผสมหลักของน้ำหมึกมักจะเป็นสารให้สีละลายเคมีที่กันน้ำ เช่น น้ำมัน
ปากกาโรลเลอร์บอล (Rollerball Pen)ถือกำเนิดมาหลังจากปากกาลูกลื่นราว 30-40 ปี หัวปากกามีลักษณะเป็นลูกบอลเช่นเดียวกับปากกาลูกลื่น แต่กลับมาใช้น้ำหมึกชนิดเดียวกับที่ใช้ในปากกาหมึกซึม ซึ่งน้ำหมึกจะใสกว่า ทำให้เขียนได้ลื่นกว่า แต่เนื่องจากหมึกที่ใช้ มีน้ำเป็นองค์ประกอบ ทำให้มีอัตราการแห้งที่สูงขึ้น ฉะนั้นควรจะปิดปลายปากกาปากกาเมื่อไม่ใช้งาน
ปากกาเจล (Gel Ink Pen) มีความเป็นปากกาลูกลื่น และหมึกซึมอย่างละครึ่ง เพราะสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็ว เส้นคม
หัวปากกา หัวของปากกาเจลจะคล้ายกับแบบลูกลื่น ทำให้เขียนได้ไวเช่นเดียวกัน แต่จะได้เส้นที่สวยและคมกว่า
ด้ามจับ ส่วนใหญ่ด้ามจับจะทำมาจากพลาสติก แต่ในบางยี่ห้อจะใช้โลหะที่มีน้ำหนักเบาเพื่อเสริมความแข็งแรงทนทาน
น้ำหมึก น้ำหมึกของปากกาเจลเกิดจากการผสมผงหมึกเข้ากับสารละลายจำพวกน้ำ ทำให้น้ำหมึกให้มีความข้นน้อยลงกว่าปากกาลูกลื่นจนมีลักษณะคล้ายกับเจล
ปากกาเคมี หรือ ปากกาเมจิก เป็นปากกาที่มีขนาดใหญ่ ใช้เขียนตัวหนังสือขนาดใหญ่ อย่างการเขียนกระดานในห้องเรียน หรือเขียนกล่องป้ายชื่อขนาดใหญ่ หัวเป็นเส้นใยถ้าจะว่าไปมันเหมือนพู่กันแข็งๆ และมีหมึกอยู่ภายในนั่นเอง เช่น ปากกาไวท์บอร์ด ปากกาสี ปากกามาร์คเกอร์
หัวปากกา หัวของปากกาเคมีจะทำจากวัสดุที่สามารถดูดซับน้ำหมึกได้ เช่น เส้นใยอัด หรือผ้าสักหลาด และกำมะหยี่ ซึ่งทั้งแบบหัวตัด หัวปกติ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งาน
ตัวด้าม ตัวด้ามมักจะทำจากพลาสติกและอะลูมิเนียม ด้านในจะมีวัสดุดูดซับน้ำหมึก เช่น สักหลาด เพื่อส่งไปยังหัวปากกาต่อไป
น้ำหมึก น้ำหมึกมักจะใช้โพลิเมอร์อะครีลิก ซึ่งก็คือสารเดียวกับที่ใช้สีทาบ้าน ทำให้หมึกของปากกาติดทนนาน เมื่อนำไปเขียนบนพื้นผิวเรียบชนิดต่าง ๆ
ปากกาเน้นคำ มีลักษณะเหมือนปากกาเคมี เพียงแต่ส่วนใหญ่จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้งานในการขีดเน้นข้อความเพื่อทำเครื่องหมายให้เห็นชัดเจนขึ้น หมึกมักเป็นสีโปร่งไม่ทึบจนทับข้อความทำให้มองไม่เห็นตัวหนังสือ
ถ้าสนใจเรื่อง ปากกาเน้นคำหรือไฮไลท์ อ่านเพิ่มเติมที่บทความ ปากกาไฮไลท์ เลือกใช้อย่างไรให้มีประโยชน์
การเลือกใช้ปากกาให้เหมาะกับตัวเอง
การเลือกปากกาที่ใช่ มีหลักการง่ายๆ ให้คำนึงถึง ดังนี้
1. หากไม่ต้องการบำรุงรักษา ไม่ใส่ใจอะไรมาก เน้นให้เขียนได้ก็พอ ปากกาลูกลื่น เป็นปากกาที่เหมาะที่สุด ตัวหมึกเขียนทน แต่ให้เส้นที่ไม่ประณีตสักเท่าไหร่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อปากกาด้วย จะใช้แล้วทิ้ง หรือเปลี่ยนไส้ก็ได้
2. หากต้องการเครื่องเขียนที่ดีขึ้นอีกระดับ ปากกาโรลเลอร์บอลและปากกาเจล จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ปากกาสองชนิดนี้ อาจจะมีต้นทุนการบำรุงรักษาที่เยอะกว่า แต่ให้เส้นที่ดีกว่าปากกาลูกลื่น
3. หากต้องการปากกาแบบมืออาชีพ ปฏิเสธไม่ได้ว่าปากกาหมึกซึมเป็นปากกาที่เหมาะสมที่สุด ทั้งหมึกและปากกาที่หลากหลาย ทำให้การตัดสินใจเลือกปากกาที่เหมาะสมกับผู้ใช้ ทำได้ง่ายกว่าปากกาชนิดอื่น
4. หากมีวัตถุประสงค์ในการใช้ชัดเจน ว่าต้องการเขียนในวัสดุชนิดไหน ก็ต้องเลือกซื้อปากกาเคมี เฉพาะแบบมาใช้ โดยต้องดูรายละเอียดประกอบ ปากกาเคมีมีหลายชนิดและตอบสนองการใช้งานได้หลายอย่าง เช่น ปากกาไวท์บอร์ด ปากกาเขียนซีดี ปากกาเน้นคำ เป็นต้น
บทส่งท้าย
รู้จักชนิดและลักษณะของปากกาแต่ละชนิดไปแล้ว การเลือกปากกาที่เหมาะมือมาใช้สักเล่ม ผู้ใช้ต้องรู้ก่อนว่า ต้องการปากกาชนิดไหน ใช้ทำอะไร และราคาเท่าไหร่ เพราะในปัจจุบันปากกามีหลายชนิด หลายยี่ห้อ หลายแบบมาก คุณภาพและราคาก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองว่าชอบแบบไหน สะดวกแบบไหน
เมื่อเราเลือกแล้ว การซื้อปากกาทำได้ไม่ยากค่ะ สั่งซื้อจากเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่น่าเชื่อถือได้เลย ที่นี่